Translate

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ฮุน เซนจี้อาเซียนลดช่องว่างพัฒนาขวางรวมประชาคมอาเซียน

ฮุน เซนจี้อาเซียนลดช่องว่างพัฒนาขวางรวมประชาคมอาเซียน




สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรียกร้องชาติอาเซียนต้องพยายามเป็นสองเท่าเพื่อแก้ปัญหาช่องว่างความเจริญ ของหมู่ชาติสมาชิก เพื่อการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 27 ส.ค.ว่า กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปีของกลุ่มรมว.เศรษฐกิจของสมาคมประชาชาติ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 10 ชาติรวมทั้งไทยที่เมืองเสียมราฐ เมื่อ 27 ส.ค.ซึ่งจะดำเนินไปนาน1สัปดาห์ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงเปิดประชุม เรียกร้องชาติอาเซียนต้องพยายามเป็นสองเท่าเพื่อแก้ปัญหาช่องว่างความเจริญ ของหมู่ชาติสมาชิก อันส่งผลต่อการรวมกลุ่มประชาคมอาเซียนคล้ายสหภาพยุโรป (อียู) เนื่องจากเหลือ เวลาอีกไม่ถึง 3 ปีหรือในปี 2558 ที่อาเซียนตั้งเป้ารวมกลุ่ม “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” 1 ใน 3 เสาหลักของอาเซียน โดยอาเซียน 10 ชาติต้องเร่งจัดการปัญหาท้าทายที่จะกระทบแผนรวมเป็นประชาคมดังกล่าว 

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงต่อไปว่ากองทุนเกือบ 500 ล้านดอลลาร์ที่อาเซียนจัดตั้งเมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้สมาชิกกู้สร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอื่นๆโดยไม่พึ่งต่าง ชาติโดยตรงนั้น ยังถือว่าเป็นกองทุนก้อนเล็กอยู่มาก อาเซียนควรหาทางเพิ่มยอดกองทุนโดยเข้าหาชาติคู่เจรจาอย่าง ญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้ การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการหารือครั้งแรกของอาเซียนตั้งแต่ประชุมสุดยอดรมว.ต่างประเทศ อาเซียนช่วงเดือน ก.ค. ซึ่งจบลงโดยไม่มีแถลงการณ์ร่วมเป็นครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์ตั้งอาเซียน 45 ปี จากกรณีพิพาททะเลจีนใต้


http://www.thairath.co.th/content/oversea/286709

มาเลย์กระตุ้นอาเซียนผนึกกำลังสู้จีน

มาเลย์กระตุ้นอาเซียนผนึกกำลังสู้จีน





กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย กระตุ้นอาเซียนผนึกกำลังสู้จีน เรื่องข้อพิพาทอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลจีนใต้...

นายอานิฟะห์ อามาน รมว.กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย จัดแถลงข่าวเมื่อ 12 ส.ค. หลังเจรจาวงปิดนานนับชั่วโมงกับนายหยาง เจียฉี รมว.กระทรวงการต่างประเทศจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนมาเลเซีย โดยนายอานิฟะห์ระบุว่า ประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้งมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน และเวียดนาม ซึ่งมีปัญหากับจีนเรื่องข้อพิพาทอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ต้องแสดงความเป็นเอกภาพด้วยการจัดประชุมภายใน เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันให้เสร็จสิ้นก่อนเจรจากับจีน เพื่อมิให้เกิดความล้มเหลวซ้ำรอยที่เคยเกิดขึ้นในการประชุม รมว.ต่างประเทศอาเซียน  ที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญของกัมพูชาเมื่อเดือน ก.ค. ซึ่งอาเซียนไม่อาจลงมติร่วมกันได้อย่างเป็นเอกฉันท์

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ยืนยันว่ารัฐบาลจีนพร้อมให้ความร่วมมือในการเสริมสร้างประชาคมอาเซียน ในฐานะองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ  ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยจีนและอาเซียนต้องเจรจาหาข้อตกลงเรื่องแนวปฏิบัติทะเลจีนใต้ร่วมกัน เพื่อนำไปใช้ในการจัดการข้อพิพาทด้วยแนวทางสันติวิธี  วันเดียวกัน แหล่งข่าวในรัฐบาลพม่าให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ระบุว่านางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยพม่า (เอ็นแอลดี) ผู้นำฝ่ายค้าน ได้เข้าพบประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ผู้นำรัฐบาลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ซูจีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และการเจรจาดังกล่าวกินเวลานานถึง 2 ชั่วโมง.


http://www.thairath.co.th/content/oversea/283131

อาเซียนเล็งถกเขตค้าเสรีอาเซียน+6


อาเซียนเล็งถกเขตค้าเสรีอาเซียน+6




ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 44 มีมติให้เริ่มการหารือเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีใหม่ ระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนและอีก 6 ประเทศคู่เจรจาขึ้น ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะจัดขึ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 44 ในประเทศกัมพูชา ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีมติร่วม ระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ กับประเทศคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ คือ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ให้เริ่มเปิดฉากการหารือเรื่องกรอบข้อตกลงเจรจาเขตการค้าเสรีในอาเซียนบวก 6 หรือที่เรียกว่า อาร์เซ็บ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรืออาเซียนซัมมิท ที่จะจัดขึ้นในกรุงพนมเปญ เดือนพฤศจิกายนนี้

เลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ บอกว่า ข้อเสนอของกรอบดังกล่าวจะเป็นไปได้ในทางปฏิบัติมากกว่ากรอบความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือทีพีพี ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้เสนอจัดตั้ง และกรอบใหม่นี้จะช่วยผลักดันการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น

ดร.สุรินทร์ บอกว่า ที่ผ่านมาอาเซียนและกลุ่มประเทศคู่เจรจาได้ผ่านการเจรจาระดับทวิภาคีมาระดับหนึ่งแล้ว การหารือจัดตั้งกรอบการค้าใหม่นี้ จึงไม่ใช่เรื่องท้าทายมากนัก และประเทศต่างๆ ยังมีความเห็นคล้อยตามกันมากกว่าการเข้าร่วมในกรอบทีพีพีของสหรัฐฯ ด้วย

ขณะที่ รอน เคิร์ก ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า สหรัฐฯ หวังที่จะได้ร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับชาติอาเซียน และยินดีอย่างมากหากประเทศอาเซียนจะเข้าร่วมกับทีพีพี นอกจากนี้ยังย้ำว่า กรอบข้อตกลงเจรจาเขตการค้าเสรีในอาเซียนบวก 6 ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกับกรอบทีพีพี สามารถจัดตั้งเคียงกันไปได้ และสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจที่จะบอกให้อาเซียนเข้าร่วมกรอบทีพีพีทั้งหมด เพราะสหรัฐฯ ไม่มีเจตนาที่จะก้าวก่ายการตัดสินใจของอาเซียน


อธิบดีกรมอาเซียน อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร ในวันที่ AEC เป็น ฮอต อิชชู


อธิบดีกรมอาเซียน อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร ในวันที่ AEC เป็น ฮอต อิชชู


โดย พนิดา สงวนเสรีวานิช วรวีร์ บำรุงพงศ์ ภาพ




นาทีนี้ในห้วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเตรียมความพร้อม ก่อนรื้อรั้วบ้านเป็นรั้วเดียวกันกับเพื่อนบ้าน 10 ประเทศในอาเซียน ชื่อของ "กรมอาเซียน" เหมือนถูกแสงไฟสาดจับ 

แต่ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักนี้ ยังคงคุกรุ่นด้วยความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ โดยเฉพาะในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ นั่นเพราะแดนดินถิ่นนี้ไม่เพียงเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมโยงจากจีนไปอินเดีย ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ว่ากันว่าใต้ชั้นดินในทะเลจีนใต้มีน้ำมันดิบมากกว่า 200,000 ล้านบาร์เรล และก๊าซสำรองที่ใช้ได้นานถึง 60 ปี จึงเป็นชนวนความขัดแย้งของหลายคู่กรณี

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาชื่อของกรมอาเซียนแทบไม่เป็นที่รู้จัก เพราะทำงานอยู่ใต้ร่มกระทรวงการต่างประเทศ 

"เมื่อก่อนถือเป็นหน่วยงานหนึ่งระดับกอง และเรามาพัฒนาในระดับกรม แต่เรามีอายุประมาณ 40 ปี หลังเปิดอาเซียนสัก 5 ปี" รท.อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร อธิบดีกรมอาเซียน คนปัจจุบัน บอก

"เพียงแต่ว่าในช่วง 25 ปีที่แล้วเป็นเรื่องของการเมือง คนไม่สนใจ เพิ่งมาสนใจเมื่อมันมีมิติของเรื่องเศรษฐกิจเข้ามา ก็มาตื่นตัว แต่เมื่อก่อนปล่อยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นคนดำเนินการ"

เวลาที่เหลืออยู่อีกไม่ถึง 3 ปีต่อจากนี้ กรมอาเซียนจึงรับบทหนัก ทั้งเดินสายบรรยายให้ความรู้ และผลักดันให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เตรียมความพร้อมองค์กร ให้ขับเคลื่อนประเทศไทยไปในทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกันก็พยายามจับคู่เจรจามากระตุ้นการเจริญเติบโตในกรอบอาเซียน

อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร อายุ 50 ปี เป็นลูกชายคนกลางในจำนวนพี่น้อง 3 คน ของคุณพ่อศรียนต์ ข้าราชการบำนาญชาวเชียงใหม่ กับคุณแม่บังอร ศรีสมุทร ชาวเชียงราย มีพี่ชาย 1 คนคือ นายไศลยนต์ ศรีสมุทร ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย กับน้องสาว 1 คน คือ นางศุภลักษณ์ ไกรฤกษ์

สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมอนเมาท์ มลรัฐอิลลินอยส์ ปริญญาโท คณะสังคมศาสตร์ เอกนโยบายเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันสมรสแล้วกับนางกมลทิพย์ แต่ไม่มีบุตร

ก่อนจะมาถึงวันนี้ อรรถยุทธ์เคยรับราชการทหารติดชั้นยศ "เรืออากาศโท" กองข่าวสำนักบัญชาการทหารสูงสุด

นอกจากนี้ยังผ่านการทำงานกรมการเมือง กรมเศรษฐกิจ กรมอาเซียน กรมยุโรป สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ คณะทูตถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา 

ล่าสุด ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2555 

"ผมอยู่มาหลายกรม แต่อยู่กรมอาเซียนนานที่สุด ประมาณ 15 ปี" 

บรรทัดต่อจากนี้มาฟังบทบาทของกรมอาเซียน ทั้งกับประเทศไทยเองและกับประเทศในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

- บทบาทของกรมอาเซียน?

เราอยู่ในคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ 1.ขับเคลื่อนให้ทุกหน่วยงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดูใน 3 เสา ให้มีในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีเรื่องของการปรับเปลี่ยนองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน แต่รายละเอียดในเรื่องของสาระก็ไปดูกันเอง 2.เราติดตามข้อมูลแรงงาน กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรมีแผนงานอะไรก็ส่งมาให้กระทรวงการต่างประเทศ เราจะได้มาบูรณาการร่วมกัน ตอนนี้ที่เราพยายามเสนอแนะคือ ให้สภาพัฒน์เข้ามามีส่วนร่วมช่วยทำแผนในระดับชาติ 

กรมอาเซียนเป็นกรมที่ไปประชุมในเวทีต่างประเทศ นี่เป็นกรมที่ปฏิบัติ เราทำมาแล้ว มาเล่าให้คนอื่นทำ ขับเคลื่อนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเผยแพร่ข้อมูล เพราะเราคิดว่าเราเป็นองค์กรที่รู้ข้อมูลในภาพรวม เราสามารถให้คำแนะนำได้

- ที่ผ่านมาเหมือนไม่ค่อยมีบทบาท? 

อาเซียนความร่วมมือในช่วง 25 ปีแรก เน้นในเรื่องของการเมืองและความมั่นคงเป็นหลัก เรื่องของสงครามเย็น เรื่องของสงครามเวียดนาม เรื่องกัมพูชา พอเป็นเรื่องการเมือง ไม่มีใครสนใจ เพิ่งมาให้ความสนใจเมื่อมีมิติของเรื่องเศรษฐกิจเข้ามา ดูว่าจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไร กลัวว่าแรงงานต่างด้าวจะเข้ามาแย่งงานทำ กลัวของที่เข้ามาราคาถูก หรือจะซื้อของคุณภาพต่ำ หรือกลัวว่าจะไปต่างประเทศแล้วไม่รู้กฎระเบียบอะไร ก็มาตื่นตัว แต่เมื่อก่อนปล่อยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นคนดำเนินการ แต่จริงๆ กรมอาเซียนมีบทบาทมานานแล้ว 

- ใน 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียน เสาไหนไปไกลสุด?

ณ ตอนนี้เป็นเสาเศรษฐกิจ เพราะเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง ในระดับความเป็นอยู่ การทำงาน และความท้าทายที่เกิดขึ้นที่เข้ามาในประเทศ 

ผมคิดว่าในอนาคตจะต้องให้ความสนใจในเรื่องของสังคมและนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น เพราะว่าความร่วมมือของอาเซียนทั้งหมดมีเป้าหมายที่ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนที่ดีขึ้น ในเรื่องของการศึกษา สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข ธรรมาภิบาล สิทธิมนุษยชน เราจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้ามาอยู่ในเวทีการตัดสินใจของอาเซียน ทำอะไรผลประโยชน์ต้องเห็นชัดว่าไปสู่รากหญ้า ตามชายแดนจะต้องได้รับผลกระทบอย่างไร ถ้าแรงงานต่างประเทศเข้ามาเยอะ แต่ทั้ง 3 เสานี้ต้องไปด้วยกัน 

- ชายแดนตื่นตัวแค่ไหน?

ชายแดนก็ตื่นตัวขึ้น... สังคมปัจจุบันคนที่ตื่นตัวคือ ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล มีการสำรวจเมื่อไหร่ (ทำโพล) ความรู้ของคนไทยเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ในระดับต่ำ ในเรื่องของภาษา ในเรื่องของข้อมูลก็อยู่ในระดับต่ำ 

ประเทศไทยไม่เคยมองประเทศเพื่อนบ้าน คิดว่าเขาด้อยกว่า หรือระดับพัฒนาต่ำกว่า ไม่เคยไปดูละครของกัมพูชาหรือของลาว หรือสนใจภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ประเทศเพื่อนบ้านสนใจเรื่องของเรามาก ดูละครไทย ดูข่าวไทย เขาฟังภาษาไทย พูดชัด แล้วเขารู้เรามากกว่าเรารู้เขา ซึ่งมันก็จะเป็นปัญหาในอนาคต ถ้าเปิดชายแดนจะเป็นอย่างไร ในเมื่อเราไม่รู้จักอะไรเขาสักอย่าง แต่เขารู้จักเราทุกอย่าง 

- ต้องทำอย่างไร?

ตอนนี้เราก็ออกสื่อ ที่ผ่านมามีการจัดบรรยาย จัดอบรมครูอย่างที่ทำเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา อบรมครู กทม. 500 คน และที่จะอบรมครูทั่วประเทศที่พัทยาในเดือนสิงหาคมนี้อีก 500 คน ตอนนี้ก็พยายามจะออกสื่อวิทยุชุมชน แล้วก็มีทำสื่อวิดีโอ เกมส์ เรากำลังจะคุยกับสถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จากที่ตอนนี้ทำเป็นหนังสือ จะพัฒนาเป็นสื่อบนแท็บเล็ต คือต้องฝากความหวังไว้กับเยาวชน 

- เราตื่นตัวช้าไปมั้ย?

ไม่ช้าครับ เพราะการรวมตัวเป็นประชาคม จะมีการรวมตัวไปเรื่อยๆ ปีนี้มากขึ้น แล้วปี 2558 ไม่ใช่จุดที่ว่าประชาคมอาเซียนจะเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ยังจะมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย อาจจะมีการตั้งเป้ากันอีก มีการรวมตัวในเชิงลึกมากขึ้นและครอบคลุมสาขามากขึ้น 

- ประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญบนเวที?

เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนายกรัฐมนตรีก็ไปพูดเรื่องความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติด เพราะยาเสพติดเป็นนโยบายของประเทศ โดยประเทศไทยจะเป็นตัวกลางที่จะผลักดันให้มีปฏิญญาอาเซียนในเรื่องนี้ ให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปลอดจากยาเสพติดภายในปี 2015 

เราจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด เราจะจัดการประชุมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 30 สิงหาคม - 1 กันยายน 2555 

เรื่องภัยพิบัติก็สำคัญ ปีหน้าเราจะร่วมมือกับเกาหลีใต้ในเรื่องนี้ เรามีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับเกาหลี กับญี่ปุ่น กับสหรัฐอเมริกา ทั้ง 3 ประเทศนี้แม้ไม่ได้อยู่ริมน้ำโขง แต่มีวิทยาการ มีเงินที่จะสนับสนุน 

แล้วยังต้องมาดูพื้นที่ตามชายแดนให้มีความแข็งแรง ทำอย่างไรจะไม่มีเรื่องยาเสพติดเข้ามา เรื่องโรคภัยไข้เจ็บเข้ามา เรื่องหมอกควัน เรื่องความยากจนที่จะเข้ามา แต่เราพยายามจะดึงคู่เจรจามากระตุ้นการเจริญเติบโตในกรอบอาเซียน คือความร่วมมือของกรอบอาเซียนก็ทำไป แต่เราต้องการกระตุ้นให้มีประเทศคู่เจรจาเข้ามาช่วยผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในระดับอาเซียนด้วย

- ข้างนอกมองอาเซียน เน้นไปที่เสาใดเสาหนึ่งหรือเปล่า?

แล้วแต่ประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกาเน้นให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคง เน้นให้เขตทะเลจีนใต้เป็นเขตที่สามารถเดินเรือได้โดยเสรี ไม่มีโจรสลัด ไม่มีภัยคุกคาม ไม่มีปัญหาเรื่องทะเลจีนใต้เข้ามา

อย่างจีนบอกว่าให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องเอฟทีเอ ในระดับอาเซียน แต่จริงๆ แล้วจีนก็มีความสนใจในเรื่องการเมืองด้วย อย่างที่เข้ามามีบทบาทในทะเลจีนใต้และมีข้อขัดแย้งกันพอสมควร 

ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อยากเข้ามาในเรื่องของเศรษฐกิจล้วนๆ เขาเห็นความสำคัญของตลาดอาเซียน เพราะมีสินค้าส่งออกมาในอาเซียนมากเป็นอันดับ 1 ของโลก 

- ประเทศนอกอาเซียนก็ยังมองเรื่องเศรษฐกิจ?

ครับ ส่วนเรื่องของสังคมนั้นเป็นเรื่องใหม่ อาเซียนเองก็เห็นว่าเป็นเรื่องใหม่ เราเพิ่งมีกระทรวงพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์ โดยกระทรวงต่างประเทศ เป็นผู้ดูแลเสาสังคม ซึ่งสอดคล้องกับประเทศอื่นที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 

- กิจกรรมที่ทำกับเยาวชน?

ประเทศไทยเราก็มีการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทยกับประเทศบวกสาม เป็นค่ายเยาวชนไทย คือให้เยาวชนไทยกับเยาวชนจีนมาเข้าแคมป์ด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน และมีการแลกเปลี่ยนกันต่อไปทางเฟซบุ๊ก 

ตอนนี้ที่ทำ เราคิดธีมขึ้นมา อย่างปีที่แล้วเป็นเรื่องรักธรรมชาติ ไปอยู่ที่เพชรบุรี ไปดูพื้นที่โครงการพระราชดำริฯ ปีนี้เราให้ความสำคัญเรื่องคอนเนกทิวิตี้หรือการเชื่อมโยง วันที่ 8 สิงหาคม เราจัดกิจกรรมที่กระทรวงต่างประเทศ เชิญนักศึกษาจาก 70 โรงเรียน 140 คน มาตอบปัญหาเกี่ยวกับอาเซียน แล้วให้ทุนการศึกษา ซึ่งเราทำทุกปีอยู่แล้ว เพียงแต่ปีนี้เราเน้นเรื่องการเชื่อมโยงในอาเซียน 

อีกโครงการที่คือเรื่องการอบรมครู เพราะเราคิดว่าครูสามารถถ่ายทอดต่อไป นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมมือกับสถาบันเทวะวงศ์ ซึ่งเป็นสถาบันฝึกอบรมของกระทรวงการต่างประเทศ เชิญระดับผู้อำนวยการของหน่วยงานราชการและเอกชน มาเข้าโครงการอบรมของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเราตั้งชื่อย่อว่า นบอ. นักบรรยายอาเซียน รุ่นที่ 1 ให้คนเหล่านี้ที่มาฝึกอบรมกับเรา 1 เดือน จะได้กลับไปถ่ายทอดให้กับหน่วยงานของเขาฟัง ก็เป็นวิธีของเราที่จะปรับปรุงองค์กร เพราะกระทรวงการต่างประเทศไม่สามารถที่จะไปบรรยายให้กับทุกคนได้ 

- อาเซียนเด่นที่สุดในเวทีโลกขณะนี้? 

ไม่อยากจะพูดว่าเด่นที่สุด เพียงแต่ว่าก็เป็นภูมิภาคที่ทุกคนให้ความสนใจ เนื้อหอมมากในแง่ 1.เป็นจุดเชื่อมระหว่างอินเดียกับจีน 2.เป็นภูมิภาคที่มีศาสนาสำคัญ 3 ศาสนา มีอิสลาม คริสต์ พุทธ 3.เป็นภูมิภาคที่เป็นประเทศสายกลาง คือไม่โดดไปทางขวาหรือซ้าย ไม่ได้รุนแรงหรือไม่ได้อ่อน 

4.เป็นประเทศที่สร้างสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจได้หมดเลย มีประเทศไหนบ้างที่คุยกับรัสเซียได้ คุยกับจีนได้ คุยกับสหรัฐได้ ก็มีแต่อาเซียนเท่านั้น 

- บทบาทของไทยในเวทีอาเซียน?

ไทยเราถือว่ามีบทบาทตั้งแต่การก่อตั้งอาเซียน ไทยเราเป็นผู้ผลักดัน ซึ่งก่อนหน้าจะมีอาเซียนมีการปะทะกัน เช่น อินโดนีเซียกับฟิลิปปินส์ มาเลเซียกับฟิลิปปินส์ แต่อาเซียนเกิดขึ้นมาทำให้บรรยากาศเปลี่ยนเป็นความร่วมมือกัน แม้ว่าจะยังมีการแข่งขันแต่ก็ไม่มีความขัดแย้งกัน 

สิ่งที่เราพยายามผลักดันไม่ว่าเรื่องเขตการค้าอาเซียนเพื่อยกระดับ การลดช่องว่างระหว่างประเทศสมาชิกก็เป็นสิ่งที่เราพยายามผลักดัน เรื่องของคอนเนกทิวิตี้ เรื่องของการให้ความสำคัญกับภาคสังคม ภาคประชาชน เรื่องของสิทธิมนุษยชน แต่เราไม่ได้ชูบทบาทว่าเราเป็นที่ 1 อย่างโรดแมปที่สร้างเป็น 3 เสา ก็เป็นเราที่เป็นผู้ผลักดัน ชื่อเต็มของโรดแมป คือ "ชะอำ-หัวหิน โรดแมป" คือก่อตั้งที่ประเทศไทย เราทำตัวให้ไม่เด่น แต่เราเสนอประเด็นที่เด่น อย่างไรก็ตาม ท่าทีนี้เป็นท่าทีที่คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการอาเซียนจะเห็นว่าไทยไม่มีบทบาท เราเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย และในเวทีต่างประเทศเราก็ไม่มีบทบาท ไม่มีการพูดอะไรที่ออกมาเด่นชัดเหมือนผู้นำบางประเทศ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เราเสนอไม่ได้มีอะไรที่ด้อยไปกว่าเขาเลย 

- อีก 2 ปี พม่าจะเป็นประธานอาเซียน?

พม่าถูกคว่ำบาตรมานาน ถ้าไปดูรายได้ต่อหัวแล้ว คนไทยคนหนึ่งจ้างคนพม่าได้ 9 คน รายได้ต่อวันแค่ 30 บาท ดูสถิติการใช้โทรศัพท์มือถือ คนไทย 100 คน มีมือถือ 101 เครื่อง เวียดนามมี 177 เครื่อง พม่ามี 4 เครื่อง การที่เขามาเป็นประชาคมอาเซียนได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในเมื่อเขามีโอกาสเป็นประธานประชาคมอาเซียน มีโอกาสปฏิรูป เราก็ควรจะสนับสนุนเขาให้เขาเห็นว่าประโยชน์จากการเปิดประเทศเป็นอย่างไร 

ถึงเวลาที่เราจะให้รางวัลกับพม่าแล้ว


หน้า 13,มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน 2555 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1346552958

นกกรงหัวจุก 3 พันนกเข้าร่วมแข่งขันนกกรงหัวจุกอาเซียนครั้งที่ 27 ที่ยะลา

นกกรงหัวจุก 3 พันนกเข้าร่วมแข่งขันนกกรงหัวจุกอาเซียนครั้งที่ 27 ที่ยะลา






ยะลา - ผู้หลงใหลในเสียงนกกรงหัวจุก ได้นำนกกว่า 3,000 นกเข้าแข่งขันนกกรงหัวจุกอาเซียนครั้งที่ 27 ที่ยะลา ปีนี้มีนกร่วมลดลงกว่าครึ่ง เนื่องจากอยู่ในช่วงนกสลัดขนอาจจะทำให้นกไม่มีความพร้อมในการแข่งขัน


               วันนี้ (2 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขันนกกรงหัวจุกอาเซียน ซึ่งเป็นหนึ่งกิจกรรมในงานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งที่ 27 ที่ทางเทศบาลนครยะลาร่วมกับชมรมนกกรงหัวจุก จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 2555 ซึ่งอยู่ในช่วงของการแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนครั้งที่ 27 ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี


              โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า ผู้นิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุกทั้งชาวยะลา และพื้นที่ใกล้เคียง ยังคงให้ความสนใจนำนกกรงหัวจุกของตนเองมาเข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก     


              นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันนกกรงหัวจุกเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคี และสร้างความสมานฉันท์ของคนในพื้นที่ รวมทั้งเพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ที่เลี้ยงนกกรงหัวจุกได้มีโอกาสนำนกมาเข้าร่วมแข่งขันในสนามที่กว้างใหญ่ และเป็นสนามที่ได้มาตรฐาน โดยปีนี้เทศบาลนครยะลาได้จัดเตรียมเสารอกนกไว้จำนวน 6,000 นก ซึ่งวันนี้จะเป็นการแข่งขันประเภท 4 ยก 2 ดอก ที่ประชาชนนิยม และหลงใหลในน้ำเสียงของนกกรงหัวจุกได้นำนกเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 3,000 นก   


                          ทั้งนี้ ในปีนี้ทางเทศบาลนครยะลาได้จัดกิจกรรมแข่งนกล่าช้าไปเนื่องจากติดปัญหาในการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งปกติที่ผ่านมาเทศบาลนครยะลาจะจัดการแข่งขันในช่วงต้นเดือนมีนาคม ประกอบกับช่วงเดือนนี้นกที่จะเข้าร่วมการแข่งขันอยู่ระหว่างการสลัดขน อาจจะทำให้นกไม่มีความพร้อมในการแข่งขัน โดยคาดว่าจะมีนกเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เพียง 2,500-3,000 นก ซึ่งในปีหน้าทางเทศบาลนครยะลาก็จะจัดการแข่งขันในเดือนมีนาคมเช่นเดิม พร้อมทั้งจะจัดเตรียมสนามแข่งขัน และเสารอกนกไว้ จำนวน 10,000 นก เพื่อให้ประชาชนได้นำนกมาเข้าร่วมการแข่งขัน



http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000107923

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

พาณิชย์เล็งดันกลุ่มอัญมณีบุกตลาดอาเซียน

พาณิชย์เล็งดันกลุ่มอัญมณีบุกตลาดอาเซียน



กระทรวงพาณิชย์เล็งดันกลุ่มอัญมณี บุกตลาดอาเซียนให้มากขึ้น ทดแทนตลาดยุโรปที่ตกต่ำ หวังใช้ประโยชน์เออีซี ย้ายฐานการผลิตไปเพื่อนบ้าน ที่มีความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบและแรงงาน...

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.  นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับหันไปทำตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 เพื่อทดแทนตลาดยุโรปและสหรัฐฯที่เป็นตลาดส่งออกหลัก และปัจจุบันชะลอตัวลง และยังเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนใช้แหล่งวัตถุดิบในประเทศเพื่อนบ้านทั้ง พม่า เวียดนาม ลาว และกัมพูชา รวมทั้งขยายฐานการผลิตไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่ยังได้รับสิทธิพิเศษทางศุลกากร (จีเอสพี) ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการไทยเริ่มเข้าไปเจรจาร่วมลงทุนในประเทศพม่าบ้างแล้ว

"เหตุที่ปัจจุบันไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปตลาดอาเซียนน้อย ส่วนหนึ่งเพราะผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับตลาดยุโรปและสหรัฐฯ ที่เป็น ตลาดหลัก จนอาจทำให้มองข้ามประเทศเพื่อนบ้านไป" นายศิริวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์มีแผนงานจะสร้างความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและการตลาด สร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อสินค้าไทย และลดต้นทุนและปัญหาสภาพคล่องทางธุรกิจผ่านการลดภาษีวัตถุดิบนำเข้า หรือเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยจะหารือธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อสนับสนุนวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้ธุรกิจ

ด้าน นายจุมพล เด่นเมฆา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)กล่าวว่า แม้ปัญหาหนี้ยุโรปได้กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลกลดลง และกระทบต่อการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ลดลงแล้ว 15% ใน 7 เดือนแรก แต่ภาคธุรกิจก็ยังมั่นใจว่าการส่งออกปลายปีจะดีขึ้น และทั้งปียังขยายตัว 5-6% จากปีที่ผ่านมาไทยส่งออกอัญมณีได้รวม 370,000 ล้านบาท


http://www.thairath.co.th/content/eco/287702

ชี้คนไทยยังไม่ตื่นตัวก้าวสู่พลเมืองอาเซียน


ชี้คนไทยยังไม่ตื่นตัวก้าวสู่พลเมืองอาเซียน





คณะกรรมาธิการศึกษา วุฒิสภา ได้จัดเสวนาเรื่อง"ก้าวสำคัญ : คนไทยสู่พลเมืองอาเซียน"โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา มองว่า ขณะนี้คนไทยยังมีความตื่นตัวเรื่องนี้น้อยมาก เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ทั้งนี้รัฐบาลควรเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนและเร่งเตรียมความพร้อมด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากลาง กระทรวงศึกษาธิการจะต้องเป็นแม่งานดำเนินการเรื่องนี้

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นหัวข้อ "คนไทยควรเตรียมอย่างไรกับการก้าวสู่พลเมืองอาเซียน"ว่า ขณะนี้การตื่นตัวกำจัดอยู่แต่ในวงของเด็ก เยาวชน และสถาบันการศึกษา เท่านั้น ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องควรเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจและไม่อยากให้มองว่าการรวมตัวของประชาคมอาเซียนจะทำให้เกิดการแข่งขันและต้องปกป้องธุรกิจของตน แต่อยากให้มองว่าเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดมากกว่า เนื่องจากอาเซียนมีประชากรมากถึง 600 ล้านคน อีกทั้งภูมิศาสตร์ของประเทศไทยก็มีความได้เปรียบที่เป็นศูนย์กลางคมนาคม ดังนั้นหากผู้เกี่ยวข้องสามารถทำให้คนไทยรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนก็จะทำให้เกิดประโยชน์อย่างมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจ SME นั้นอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง รัฐบาลก็ควรที่จะมีการตั้งศูนย์ SME ระดับประเทศเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

บริษัท3ชาติอาเซียนสนจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย-ลาว-กัมพูชา


บริษัท3ชาติอาเซียนสนจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย-ลาว-กัมพูชา





สื่อกัมพูชาเผยบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ สนจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย-ลาว-กัมพูชามากขึ้น หวังระดมทุนก้อนใหญ่จากทั้ง3ตลาดในช่วงหลายปีข้างหน้า

รัศมีกัมพูเจียเดลี่ สื่อสิ่งพิมพ์ของกัมพูชา อ้างความเห็นกลุ่มผู้บริหารบริษัทหลายแห่งของลาวและกัมพูชา มาร่วมในงาน"ไทยแลนด์ โฟกัส 2012"ที่กรุงเทพ วานนี้(31ส.ค.) ระบุว่าบริษัทเอกชนของลาวและกัมพูชาจำนวนมากขึ้น ต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลาวและกัมพูชาในปี2556
นายฮอง ซก ฮาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา กล่าวว่าปัจจุบันตลาดหุ้นกัมพูชา มีบริษัทเข้าจดทะเบียนเพียง1แห่งและมีมูลค่าตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.4 พันล้านบาท แต่ในปีหน้าคาดว่าจะมีบริษัทอีก5แห่งจะเข้ามาจดทะเบียน ในจำนวน นี้3แห่งเป็นรัฐวิสาหกิจ 2รายเป็นบริษัทให้บริการท่าเรือ และอีกรายหนึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจสื่อสาร ขณะที่มีบริษัทสิ่งทอ2แห่ง บริษัทสื่อสาร1แห่งและบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีกแห่งหนึ่ง ที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาด เขายังให้ข้อมูลด้วยว่า 1ใน3ของนักลงทุนเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นกัมพูชา เป็นนักลงทุนต่างชาติ
ส่วนนายเดชพูวัง มูลรัตน์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารตลาดหลักทรัพย์ลาว กล่าวคาดหวังว่า ลาว เทเลคอม โค. ซึ่งควบรวมกับเอนเทอร์ไพร้ซ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ ลาว ปีหน้า จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลาวปีหน้า และจะเป็นสมาชิกใหม่ของตลาดทีมีบริษัทจดทะเบียนอยู่แล้ว2แห่ง
นายเดชพูวังเพิ่มเติมว่า นักลงทุนลาวชอบการลงทุนระยะยาว และยังคงถือหุ้นรักษาความมั่งคั่งของพวกเขา เพื่อส่งมอบต่อให้ลูกๆของพวกเขา ด้วยพฤติกรรมดังกล่าวทำให้ตลาดมีสภาพคล่องน้อยลง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทางการของลาวเองก็ไม่ต้องการนักลงทุนท้องถิ่น เข้าไปเทรดหุ้นในตลาดเนื่องจากความเสี่ยงสูง ซึ่งเขาระบุว่าต้องการให้คนลาวเรียนรู้ก่อน ปล่อยให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปเล่นเกมการเงินก่อน
ขณะที่นายจรัมพร โชติกเสถียร ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าซีเค พาวเวอร์ บริษัทในเครือช.การช่าง กรุ๊ป ที่เข้าไปจดทะเบียนในลาวเพื่อดูแลโครงการต่างในลาว นั้น คาดว่าจะจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไตรมาส4ปีนี้ และเพิ่มเติมว่าบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งคาดว่าจะระดมทุนมากขึ้น เพื่อขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนนายอภินันท์ เกลียวปฎินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบล.ภัทร กล่าวถึงการระดมทุนว่าอาจทำผ่านช่องทางอื่นได้ แทนที่การเข้าไปเทรดในตลาดหุ้น เช่น การระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 
ทั้งนี้นายเล ไฮ ตรา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารตลาดหลักทรัพบย์โฮจิมินห์ กล่าวว่าได้ลงนามในเอกสารแสดงเจตจำนงเข้าร่วมการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียนแล้ว ส่วนนายตรัน วาน ซุง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารตลาดหลักทรัพย์ฮานอย ให้ข้อมูลว่าตลาดหุ้นในโฮจิมินห์และตลาดหุ้นฮานอยอยู่ในกระบวนการควบรวมให้เป็นตลาดเดียว

10 ประเทศอาเซียน จับมือต้านยาเสพติด


10 ประเทศอาเซียน จับมือต้านยาเสพติด





ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

รองนายกรัฐมนตรี
การประชุมครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการประชุมในกรอบอาเซียนที่มีความพิเศษแตกต่างไปจากการประชุมอื่นๆ เนื่องจากการประชุมครั้งนี้ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อขานรับกับปฏิญญาร่วมของผู้นำประเทศอาเซียนในการเป็นอาเซียนที่ปลอดยาเสพติดในปี พ.ศ.2558 ซึ่งได้รับการรับรองในคราวการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 20 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2555 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่ผ่านมา

ดังนั้นเพื่อเป็นการผลักดันนโยบายปัญหายาเสพติดให้เป็นวาระของภูมิภาคอย่างแท้จริง ประเทศไทยจึงได้เสนอในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 ดังกล่าว ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านยาเสพติด และได้เรียนเชิญรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบดูแลกำกับงานด้านยาเสพติดมาเข้าร่วมประชุม 

ต้องขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีอาเซียนทุกท่าน ตลอดจนผู้แทนสำนักเลขาธิการอาเซียน ที่กรุณาตอบรับคำเชิญและมาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เป็นเวลากว่า 14 ปีนับแต่ที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนได้ประกาศวิสัยทัศน์การเป็นเขตปลอดยาเสพติดอาเซียนภายในปี พ.ศ.2563 และต่อมาเห็นพ้องที่จะเลื่อนปีเป้าหมายของการให้อาเซียนเป็นเขตปลอดยาเสพติดให้เร็วขึ้นอีก 5 ปี เป็นปี พ.ศ.2558 ซึ่งตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมานั้น ได้มีการดำเนินการในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง 

สถานการณ์ปัญหายาเสพติดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มียาเสพติดชนิดใหม่ๆ เกิดขึ้นและเข้ามาแพร่ระบาดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เฮโรอีนกลับกลายเป็นตัวยาทางเลือกเมื่อได้มีการนำมาตรการควบคุมการปลูกฝิ่นมาบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยส่งเสริมให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจ และนำมาตรการการพัฒนาทางเลือกมาใช้แทนการแพร่ระบาดของเฮโรอีนลดลง

ขณะที่การแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิดเอทีเอสเพิ่มมากขึ้นในหมู่ประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศ นอกจากนี้ เมทแอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีนชนิดผลึก หรือที่รู้จักกันดีว่า ไอซ์ กลายเป็นตัวยาที่น่าเป็นห่วงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ยาเสพติดจากภายนอกภูมิภาคถูกลักลอบเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนของเรา ขณะที่การลักลอบค้ายาเสพติดบางคดีก็มีส่วนเชื่อมโยงกับอาชญากรรมประเภทอื่นๆ จากนี้ เรามีเวลาเหลืออีกเพียง 3 ปีเท่านั้น ที่เราจะก้าวสู่การเป็นเขตปลอดยาเสพติดอาเซียน 

ทั้งนี้ ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติดตกลงที่จะนิยามการเป็นอาเซียนที่ปลอดยาเสพติด ว่าหมายถึง การที่ประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถควบคุมปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตที่เป็นปกติสุขของสังคม จะทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุตามเป้าประสงค์ในการเป็นเขตปลอดยาเสพติดอาเซียนได้นั้น เป็นประเด็นที่ท้าทาย รอเราอยู่ข้างหน้า ต่างทำงานในการแก้ไขปัญหายาเสพติดเช่นเดียวกัน

ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้รับการแต่งตั้งจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาลไทยได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และขณะนี้วาระยาเสพติดดังกล่าวได้รับการยอมรับร่วมกันในฐานะวาระแห่งภูมิภาคที่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศสมาชิกอาเซียนทุกท่าน ร่วมกันกวาดล้างขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด และการลักลอบค้ายาเสพติด ให้หมดไปจากภูมิภาค

เรามีความรับผิดชอบร่วมกันที่จะต่อสู้กับปัญหายาเสพติดในฐานะอาเซียนที่เป็นเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน โดยเราจะรวมกันเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นปีเป้าหมายเดียวกับการเป็นประชาคมอาเซียนที่ปลอดยาเสพติด ผ่านการสร้างความเชื่อมโยงกันในอาเซียน หรือ ASEAN Connectivity 

นั่นหมายถึง การเปิดพรมแดนเพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายคนในภูมิภาคอย่างเสรี ซึ่งเราควรจะได้ตระหนักถึงผลกระทบเชิงลบจากการเชื่อมโยงดังกล่าวด้วย 

การสกัดกั้นยาเสพติดบริเวณพรมแดนถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในประเทศ หรือ ออกไปสู่ประเทศที่สาม ไม่เพียงแค่นั้น ยังควรร่วมมือกันในการลดอุปสงค์ยาเสพติดอีกด้วย เพื่ออนาคตของลูกหลานไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด ในฐานะรัฐบาลไทย

ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะทำงานและสร้างเสริมความเข้มแข็งในความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนทุกท่าน เพื่อก้าวไปสู่การเป็นเขตปลอดยาเสพติดอาเซียนให้ได้สำเร็จ

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

การประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะมุ่งเน้นให้อาเซียนเป็นเขตปลอดยาเสพติดภายในปี 2015 (2558) โดยมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด

ทุกชาติในภูมิภาคอาเซียนจะร่วมมือกันโดยเน้นการสกัดกั้นยาเสพติดทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค และจะดำเนินการปราบปรามผู้ค้าอย่างจริงจัง พร้อมเป็นหุ้นส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยประสานความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการอาเซียนสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันเยาวชนรุ่นใหม่ของอาเซียน ไม่ให้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเน้นย้ำถึงการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอาเซียนปลอดยาเสพติด ในปี 2015 

เจตนารมณ์อันแน่วแน่ของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหายาเสพติด โดยกำหนดปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และยกระดับสู่วาระแห่งภูมิภาค รวมทั้งมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความร่วมมือในภูมิภาคเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน 

สำหรับในที่ประชุมอาเซียนได้เห็นพ้องถึงปัญหาเรื่องยาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ไทยไม่สามารถแก้ไขตามลำพังได้ 

การประชุมวันนี้จึงได้ให้แต่ละประเทศเสนอแผนยุทธศาสตร์ในกรอบใหญ่ รวมทั้งสะท้อนปัญหาของแต่ละประเทศ อย่างเช่นประเทศพม่า ยอมรับว่ามีสถานการณ์ระบาดของยาเสพติดมาก เนื่องจากมีพื้นที่ประเทศกว้างขวาง มีพื้นที่ว่างเปล่าตามแนวชายแดนมาก และมีประชาชนตกงานเป็นจำนวนมาก จึงนำไปสู่การเพาะปลูกพืชที่มีสารตั้งต้นของยาเสพติด 

ทางการพม่าไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง แต่ก็มีความตั้งใจที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยทางประเทศไทยจะร่วมมือให้ความช่วยเหลือโดยการสร้างอาชีพปลูกพืชที่เป็นประโยชน์ทดแทนพืชที่มีสารตั้งต้นของยาเสพติด ตามโครงการแม่ฟ้าหลวง โดยในที่ประชุมได้มีสัญญาใจร่วมกันว่าจะเริ่มปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดอย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีให้อาเซียนปลอดยาเสพติดในอีก 3 ปีข้างหน้า 

ถึงแม้ว่าการทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไปเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่ถ้าทำให้ลดลงได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งทุกหน่วยจะต้องร่วมกันดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทาง ป.ป.ส.ไม่ได้ดำเนินการเฉพาะในประเทศ และเฉพาะกลุ่มอาเซียนเท่านั้น ยังมีการประสานงานติดต่อบูรณาการร่วมกันกับประเทศอังกฤษ อเมริกา และประเทศแถบยุโรปหลายประเทศในการร่วมมือกันแก้ปัญหายาเสพติด

ทั้งนี้จากการประชุมสถานการณ์ภาพรวมของยาเสพติด หน่วยงานทุกประเทศมีปัญหาด้านยาเสพติดเหมือนกัน แต่ว่าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสังคมของแต่ละประเทศ โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมถึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สุขุม โอภาสนิพัทธ์

รองเลขาธิการ ป.ป.ส.

สถานการณ์ยาเสพติดของทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน มีปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดเหมือนกัน คือยาบ้า และยาไอซ์ ซึ่งประเทศไทยพร้อมสนับสนุนให้การช่วยเหลือทุกเรื่อง เช่น ประเทศลาว และกัมพูชา ได้ประสานขอเจ้าหน้าที่ไทยไปช่วยบำบัดผู้ติดยาเสพติด ส่วนประเทศพม่ามีปัญหาพื้นที่กว้างขวางและคนตกงานจำนวนมาก ทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง จึงเป็นต้นเหตุของการปลูกพืชที่เป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด ซึ่งปัญหาทั้งหมดทุกประเทศจะต้องร่วมมือกันแก้ไข

มหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนเริ่มขึ้นแล้ว กว่า 2 พันนกโก่งคอโชว์พลัง

มหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนเริ่มขึ้นแล้ว กว่า 2 พันนกโก่งคอโชว์พลัง




ยะลา - มหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว คาดปีนี้คึกคักไม่แพ้กัน มีนกเข้าประชันเสียง 2,000 นก โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
       
       วันนี้ (1 ก.ย.) เวลา 08.00 น ที่สนามแข่งขันนกเขาชวาเสียง สวนขวัญเมือง เทศบาลนครยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งที่ 27 พร้อมชักเสารอกนกเพื่อเป็นสัญญาณในการแข่งขัน โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา คณะผู้บริหารเทศบาลนครยะลา แขกผู้มีเกียรติ พี่น้องประชาชน เข้าร่วมในพิธีเปิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งงานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งที่ 27 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 55 นี้ ท่ามกลางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณงานของเจ้าหน้าที่
       
       นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียนครั้งนี้ จ.ยะลา ร่วมกับเทศบาลนครยะลา ภายใต้การสนับสนุนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว อนุรักษ์ เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น และส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงนกเขาชวา ยกระดับเศรษฐกิจ และรายได้ของผู้เลี้ยงนกเขาชวาให้สูงขึ้นด้วย 
       
       ภายในงานนอกจากจะเป็นการแข่งขันเพื่อสร้างมิตรภาพของผู้นิยมเลี้ยงนกเขาชวา หรือ “ชาวชวาวงศ์” ที่จะมีการเดินทางไปร่วมแข่งขันเวียนไปตามสนามต่างๆ ทั่วประเทศ และในประเทศใกล้เคียงเช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ แล้ว ยังมีการจำหน่ายอุปกรณ์การเลี้ยงนก กรงนกต่างๆ อีกด้วย โดยการแข่งขันครั้งนี้จะมีการแข่งขันนกเขาชวาเสียงประเภทเสียงเล็ก เสียงกลาง เสียงใหญ่ ประเภทรวมเสียงประเภทดาวรุ่ง และประเภทนกเขาใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีนกเข้าร่วมจำนวน 2,000 นก


http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000107629

อุตฯอัดงบ 35 ล้าน หนุนเอสเอ็มอีใช้ไอทีแข่งขันอาเซียน

อุตฯอัดงบ 35 ล้าน หนุนเอสเอ็มอีใช้ไอทีแข่งขันอาเซียน



อุตฯอัดงบ 35 ล้านหนุนเอสเอ็มอีใช้ไอทีลุยอาเซียน หวังสร้างเครื่องมือให้เอสเอ็มอีมีความพร้อมการแข่งขันสามารถรับมือ AEC ปี 2558

วันที่ 1 ก.ย. นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แผนดำเนินโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (ECIT) ในปี 2556 จะดำเนินต่อไปเป็นปีที่ 5 ใช้งบประมาณ 35 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีไทยเข้าร่วมโครงการนำระบบไอทีไปใช้งาน 400 กิจการ พัฒนาบุคลากรด้านไอที 1,500 ราย นอกจากเน้นการใช้ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) แล้ว จะเน้นการให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านโมบายแอพพลิเคชั่นมากขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานผ่านแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน และส่งเสริมการใช้กรีนไอทีเพื่อลดต้นทุน (Dead Stock Management) 200 กิจการ 

นอกจากนี้ จะผลักดันให้ใช้อี-มาร์เก็ตเพลสในการซื้อขายสินค้าระหว่างกันจำนวน 1,000 ราย เพื่อสร้างระบบอี-ซัพพลายเชน (e-Supply Chian) รองรับการเปิดเสรีอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า



จากโครงการทั้งหมดตั้งเป้าสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.5 จากงบประมาณที่ลงทุน และสามารถสร้างงานให้กับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ได้ไม่ต่ำกว่า 10 ราย สำหรับปี 55 ซึ่งดำเนินโครงการไปแล้วได้สนับสนุนให้อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีไทยนำไอทีและซอฟต์แวร์ไปใช้งานมากขึ้น มีเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมโครงการ 150 กิจการ สามารถช่วย SMEs สร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 220 ล้านบาท 

ขณะที่ 3 ปีที่ผ่านมา โครงการ ECIT ถือว่ามีส่วนช่วยสร้างโมเดลการใช้ระบบไอทีผ่านคลาวด์คอมพิวติ้ง เพื่อลดต้นทุนของเอสเอ็มอีในการลงทุนระบบไอที เฉลี่ย 400,000 บาท/บริษัท และมีระบบไอที โดยเฉพาะซอฟต์แวร์อีอาร์พี ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้บริษัท จำนวนรวม 360 กิจการ มีการพัฒนาบุคลากรด้านไอที 1,165 ราย อีกทั้งสร้างช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้นผ่านอี-มาร์เก็ตเพลส มีเอสเอ็มอีเปิดร้านค้าออนไลน์ 2,600 กิจการ โดย 3 ปีใช้งบประมาณ 113 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมเกิดขึ้นได้เป็นมูลค่าประมาณ 329 ล้านบาท


http://www.thairath.co.th/content/eco/287945

อาเซียนเตรียมหารือเขตค้าเสรีอาเซียนบวก 6


อาเซียนเตรียมหารือเขตค้าเสรีอาเซียนบวก 6




ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 44 มีมติให้เริ่มการหารือเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี
ใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียนและอีก 6 ประเทศคู่เจรจาขึ้น ในการประชุมสุดยอดผู้นำ
อาเซียนที่จะจัดขึ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 44 ในประเทศกัมพูชา ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อ
วันศุกร์ที่ผ่านมา มีมติร่วมระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ กับประเทศคู่เจรจาอีก 
6 ประเทศ คือ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ให้เริ่มเปิดฉากการหารือ
เรื่องกรอบข้อตกลงเจรจาเขตการค้าเสรีในอาเซียนบวก 6 หรือที่เรียกว่า อาร์เซ็บ ในการ
ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรืออาเซียนซัมมิท ที่จะจัดขึ้นในกรุงพนมเปญ เดือนพฤศจิกายนนี้ 

เลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ บอกว่าข้อเสนอของกรอบดังกล่าวจะเป็นไปได้
ในทางปฏิบัติมากกว่ากรอบความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก 
หรือทีพีพี ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้เสนอจัดตั้ง และกรอบใหม่นี้จะช่วยผลักดันการรวมกลุ่ม
ทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น

ดร.สุรินทร์ บอกว่าที่ผ่านมาอาเซียนและกลุ่มประเทศคู่เจรจาได้ผ่านการเจรจาระดับทวิภาคีมา
ระดับหนึ่งแล้ว การหารือจัดตั้งกรอบการค้าใหม่นี้จึงไม่ใช่เรื่องท้าทายมากนัก และประเทศ
ต่างๆ ยังมีความเห็นคล้อยตามกันมากกว่าการเข้าร่วมในกรอบทีพีพีของสหรัฐฯ ด้วย

ขณะที่ รอน เคิร์ก ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า สหรัฐฯ 
หวังที่จะได้ร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับชาติอาเซียน และยินดี
อย่างมากหากประเทศอาเซียนจะเข้าร่วมกับทีพีพี นอกจากนี้ยังย้ำว่า กรอบข้อตกลงเจรจา
เขตการค้าเสรีในอาเซียนบวก 6 ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกับกรอบทีพีพี สามารถจัดตั้งเคียง
กันไปได้ และสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจที่จะบอกให้อาเซียนเข้าร่วมกรอบทีพีพีทั้งหมด 
เพราะสหรัฐฯ ไม่มีเจตนาที่จะก้าวก่ายการตัดสินใจของอาเซียน

จนท.เข้มยะลาจัดมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน


จนท.เข้มยะลาจัดมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน





เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 กันยายน ที่สนามแข่งขันนกเขาชวาเสียง สวนขวัญเมือง เทศบาลนครยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งที่ 27 พร้อมชักเสารอกนก เพื่อเป็นสัญญาณในการแข่งขัน โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา คณะผู้บริหารเทศบาลนครยะลา แขกผู้มีเกียรติ พี่น้องประชาชน เข้าร่วมในพิธีเปิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งงานมหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งที่ 27 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-2 กันยายน 55 นี้ ท่ามกลางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณงานของเจ้าหน้าที่ 

นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา กล่าวว่า การจัดงาน มหกรรมแข่งขันนกเขาชวาเสียงอาเซียน ครั้งนี้ จ.ยะลา ร่วมกับเทศบาลนครยะลา ภายใต้การสนับสนุนของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว อนุรักษ์ เผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นและส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงนกเขาชวา ยกระดับเศรษฐกิจและรายได้ของผู้เลี้ยงนกเขาชวาให้สูงขึ้น ด้วย 

"ภายในงาน นอกจากจะเป็นการแข่งขัน เพื่อสร้างมิตรภาพของผู้นิยมเลี้ยงนกเขาชวา หรือ "ชาวชวาวงศ์" ที่จะมีการเดินทางไปร่วมแข่งขันเวียนไปตามสนามต่างๆทั่วประเทศ และในประเทศใกล้เคียงเช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ แล้ว ยังมีการจำหน่ายอุปกรณ์การเลี้ยงนก กรงนก ต่างๆ อีกด้วย โดยการแข่งขันครั้งนี้ จะมีการแข่งขันนกเขาชวาเสียงประเภท เสียงเล็ก เสียงกลาง เสียงใหญ่ ประเภทรวมเสียง ประเภทดาวรุ่งและ ประเภทนกเขาใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีนกเข้าร่วม จำนวน 2,000 นก" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว